...คนเราทุกข์ไม่สร่างก็เพราะมัวแต่คิดถึงแต่ตัวเอง
เพราะเหตุนี้ใช่ไหมชายชราจึงเตือนสติ มิเนโกะ อิวาซากิ ว่า
"คนที่คิดถึงแต่ตัวเองย่อมอยากตายทั้งนั้น"...
มิเนโกะ อิวาซากิ
เป็นอดีตเกอิชาที่มีชื่อเสียงทั่วโลกจากหนังสือเรื่อง Geisha
และยังเป็นที่มาของหนังสือยอดนิยมเรื่อง Memoirs of a Geisha
ของอาเทอร์ โกลเดน
ในวัยเด็กนั้นเธอมีชีวิตที่ลำบากแสนเข็ญ
เนื่องจากเป็นเด็กกำพร้าและไร้การศึกษา
ลุงจึงนำเธอไปขายให้แก่สำนักเกอิชาตั้งแต่ยังเล็ก
ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยเคราะห์กรรม นอกจากสูญเสียน้องชายที่รักแล้ว
เธอยังสูญเสียคนรักที่เป็นทุกอย่างในชีวิต
แล้ววันหนึ่งเธอก็ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง
เธอเดินเข้าไปในป่าท่ามกลางพายุหิมะและนั่งรอความตายอันหนาวเหน็บ
แต่ชายชราผู้หนึ่งช่วยชีวิตเธอเอาไว้
ชายชราพูดประโยคหนึ่งซึ่งเตือนใจให้เธอได้คิด
"คนที่คิดถึงแต่ตัวเองย่อมอยากตายทั้งนั้น"
ชายชราขอให้เธอกลับเข้าไปในเมือง และทำดีกับผู้อื่นวันละคน
หลังจากนั้นถ้าเธอยังอยากตาย เขาจะช่วยเธอให้สมปรารถนา
เธอทำตามที่ชายชราแนะนำ
เธอเริ่มต้นด้วยการซื้อหนังสือให้เด็กยากจนคนหนึ่ง
จากนั้นเธอก็เล่านิทานให้เด็กฟังวันละคนสองคน ต่อมาเธอเริ่มแต่งนิทานเอง
นับแต่วันนั้นเธอไม่เคยกลับเข้าไปในป่าแห่งนั้นอีกเลย
ในยามที่เราประสบเคราะห์กรรม
เรามักคิดว่าโลกนี้โหดร้ายกับเราเป็นอย่างยิ่ง "ทำไมถึงต้องเป็นฉัน ?"
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามนี้ราวกับว่ามีฉันคนเดียวที่โชคร้ายอย่างนั้น
แต่ทันทีที่เรามองพ้นตัวเองออกไป จะพบว่าคนที่ทุกข์อย่างเราก็มีไม่น้อย
และคนที่ทุกข์ยิ่งกว่าเรายังมีอยู่อีกมากมาย
การรับรู้ว่ายังมีคนอีกมากมายที่ทุกข์ยิ่งกว่าเรา
ช่วยให้เราทานทนเคราะห์กรรมได้มากขึ้น แต่ดียิ่งกว่านั้นก็คือการก้าวพ้นจากโลกของตัวเอง
ออกไปช่วยเหลือคนเหล่านั้น
การได้ช่วยเหลือผู้อื่นไม่เพียงช่วยให้เราหมกมุ่นกับความทุกข์ของตัวเองน้อยลงเท่านั้น
หากยังทำให้จิตใจได้รับความสุข สุขเพราะรอยยิ้มของผู้ที่ได้รับไมตรีจากเรา
และสุขเพราะได้พบว่าชีวิตของเรายังมีคุณค่าอีกมาก หาได้ไร้ค่าอย่างที่เคยเข้าใจไม่
"ผู้ให้ความสุขย่อมได้รับความสุข"
พุทธภาษิตนี้คือความจริงที่คงทนต่อการพิสูจน์เสมอ
หญิงผู้หนึ่งซึ่งเป็นแพทย์เด็กได้สูญเสียสามีอย่างปัจจุบันทันด่วน
เธอโศกเศร้ามากจนไม่มีใจทำอะไรทั้งสิ้นแม้จะกลับไปที่ทำงานหลังเสร็จสิ้นพิธีศพ
เธอก็ได้แต่นั่งจับเจ่าอยู่ในห้อง ไม่ออกไปหาคนไข้ และไม่พูดไม่จากับใคร
หัวหน้าและเพื่อน ๆ ในแผนกกุมารเวชพยายามปลอบโยนและให้กำลังใจ แต่ก็ไร้ผล
ผ่านไปสองสัปดาห์เธอก็ยังไม่สร่างซาจากความโศกเศร้าและความเงียบงัน
ในที่สุดหัวหน้าก็คิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้ เขานำทารกคนหนึ่งที่ป่วยหนักไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของเธอ
พร้อมกับบอกว่าทารกคนนี้ต้องการการดูแลรักษา แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไป
ทีแรกเธอก็นั่งเฉย
แต่ไม่นานทารกก็เริ่มร้องไห้ เธอยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง แต่เมื่อทารกร้องดังขึ้น
เธอก็อยู่เฉยไม่ได้ ลุกขึ้นมาดูทารก และพบว่าจำต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมและป้อนนม
เสร็จแล้วเธอก็กลับไปจับเจ่าเหมือนเดิมอีก แต่ทารกไม่ยอมให้เธอทำเช่นนั้นได้นาน
เธอจึงต้องลุกขึ้นมาดูแลเด็กเป็นระยะ ทีนี้ไม่ใช่แค่เปลี่ยนผ้าอ้อม ป้อนนม
แต่เยียวยาอาการเจ็บป่วยของเด็กน้อยด้วย
วันรุ่งขึ้นเมื่อกลับมาที่โรงพยาบาล
สิ่งแรกที่เธอทำคือถามว่าทารกคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
เธอเข้าไปตรวจดูอาการของทารกถึงเตียง
และพบว่ายังมีทารกอีกหลายคนที่รอคอยการดูแลรักษาจากเธอ
วันนั้นทั้งวันเธอจึงง่วนอยู่กับการรักษาเด็ก
วันถัดไปก็เช่นเดียวกัน เธอไม่มีเวลาที่จะเจ่าจุกกับความทุกข์อีกต่อไป ไม่นานเธอก็คลายจากความโศกเศร้า
และกลับมาเป็นคนเดิมที่แย้มยิ้มหัวเราะได้
คนเราทุกข์ไม่ใช่เพียงเพราะว่าประสบกับสิ่งไม่สมหวังเท่านั้น
หากยังเป็นเพราะเราเอาใจไปหมกมุ่นเจ่าจุกกับความไม่สมหวังด้วย
ยิ่งหมกมุ่นก็ยิ่งทุกข์ แต่เมื่อใดที่ถอนใจออกไปจดจ่อกับสิ่งอื่นแทน
ความทุกข์ก็จะบรรเทาลง
การช่วยเหลือผู้อื่นเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถดึงจิตออกไปจากความทุกข์ได้
อีกทั้งยังมีความสุขเป็นรางวัลตอบแทน
คนเราทุกข์ไม่สร่างก็เพราะมัวแต่คิดถึงแต่ตัวเอง
เพราะเหตุนี้ใช่ไหมชายชราจึงเตือนสติมิเนโกะอิวาซากิว่า
"คนที่คิดถึงแต่ตัวเองย่อมอยากตายทั้งนั้น"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ถ้ารักตัวเองจริงก็อย่าลืมนึกถึงผู้อื่นให้มาก ๆ
ที่มา fwd mail
บางทีความสุขที่แท้จริงของคนเรา
อาจไม่ได้เกิดจากตัวเราเอง
แต่เกิดจากการได้มีส่วนร่วมในการสร้างความสุขในชีิวิตของผู้อื่น :)